การเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน หมายถึงการมีส่วนร่วมมากเกินไปของผู้ปกครองในชีวิตของลูก ๆ ซึ่งมักมีลักษณะพิเศษคือ การเฝ้าติดตามลูกๆทุกฝีก้าว ทำเรื่องต่างๆแทนลูกทุกอย่าง และไม่ปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับความท้าทายด้วยตนเอง แม้การเลี้ยงลูกแบบนี้จะดูมีเจตนาดี แต่ความเป็นจริงกลับขัดขวางการเจริญเติบโตและการพึ่งพาตนเองของพวกเขา ทำให้ลูกขาดทักษะการแก้ปัญหา ทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกกดดัน เปรียบเสมือน “พ่อแม่รังแกฉัน”
ในบทความนี้ เราจะชี้ให้เห็นถึงลักษณะการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน เพื่อช่วยเพิ่มความเข้าใจมากขึ้น และแนะนำ ทางเลือกที่ดีกว่าในการเลี้ยงลูกเพื่อให้ผู้ปกครองสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกๆได้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยให้พวกเขาเจริญเติบโตได้อย่างอิสระ
สารบัญ
ลักษณะพฤติกรรมและการเลี้ยงลูกแบบ ”พ่อแม่รังแกฉัน” << คลิ๊ก
แนวทางการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก << คลิ๊ก
แนวทางการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก (ต่อ) << คลิ๊ก
สรุป << คลิ๊ก
ลักษณะพฤติกรรมและการเลี้ยงลูกแบบ ”พ่อแม่รังแกฉัน”
แม้ว่าการเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” จะมีเจตนาดี แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กได้ ดังนั้นการรับรู้และเข้าใจเป็นขั้นตอนแรกในการแก้ปัญหานี้และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัว
1. การมีส่วนร่วมมากเกินไป
ผู้ปกครองที่มีพฤติกรรมเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” มักจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมของลูกมากเกินไป ตั้งแต่ทำการบ้านจนไปถึงกิจกรรมต่างๆ นำเกรดเฉลี่ยมากดดันลูก หรือแม้กระทั่งกำหนดตัวเลือกในการเล่นกับเพื่อนของลูก
2. ตัดสินใจแทนลูกทุกอย่าง
ผู้ปกครองที่มีพฤติกรรม”พ่อแม่รังแกฉัน”มักจะตัดสินใจทุกอย่างแทนลูกแบบละเอียดยิบ พวกเขาจะวางแผนการใช้ชีวิตในทุกแง่มุมของลูก และเหลือพื้นที่เพียงเล็กๆน้อยๆให้ลูกได้ตัดสินใจอย่างอิสระ
3. หลีกเลี่ยงความล้มเหลว
การที่ผู้ปกครองพยายามปกป้องลูกจากความล้มเหลวมากเกินไป หรือป้องกันไม่ให้ลูกเผชิญหน้ากับความท้าทายและความผิดพลาด ทำให้พวกเขาขาดทักษะการรับมือกับปัญหาด้วยตนเองอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีค่า
4. จำกัดอิสระ
การเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” มักจะเป็นการจำกัดอิสระของลูกมากเกินไป ซึ่งส่งผลทำให้พวกเขาขาดการพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ เช่น การทำการบ้าน การบริหารเวลา และการจัดการปัญหาด้วยตนเอง
5. การชมเชยมากเกินไป
ผู้ปกครองอาจชมเชยบุตรหลานของตนมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงความสำเร็จที่แท้จริงของพวกเขา สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การบิดเบือนถึงคุณค่าในตนเองและสร้างความมั่นใจแบบผิดๆให้กับลูก
6. ไม่สามารถรับมือกับความเครียด
เด็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” มักจะไม่สามารถรับมือกับความเครียด ความวิตกกังวล และความทุกข์ยากได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เรียนรู้วิธีที่จะเผชิญและเอาชนะความท้าทายด้วยตนเอง
7. ไม่มีขอบเขต
ผู้ปกครองที่มีพฤติกรรมแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” มักจะไม่มีขอบเขตและก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของลูก พฤติกรรมที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจะทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ในอนาคต
8. การจับจ้องอย่างต่อเนื่อง
ผู้ปกครองที่ใช้การเลี้ยงแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน”มักจะจับจ้องการเคลื่อนไหวของลูกมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมออนไลน์ สถานที่ หรือปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของลูก ซึ่งเป็นการแสดงเห็นถึงความไม่ไว้วางใจในตัวลูก
การรับรู้ถึงลักษณะการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญเพื่อที่จะเข้าใจถึงผลกระทบที่มีต่อพัฒนาการของลูก สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน แม้จะเป็นพฤติกรรมที่มาจากความรักและความห่วงใยแต่ก็เป็นสิ่งที่ขัดขวางการเจริญเติบโตและทำลายความมั่นใจในตนเองของลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ ในส่วนถัดไป เราจะแนะนำการเปลี่ยนแปลงจากการเลี้ยงดูแบบพ่อแม่รังแกฉันสู่แนวทางที่เหมาะสมมากขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์
คลิ๊กลิ้งค์ด่านล่าง
(และ คณิตศาสตร์ โซนใกล้เคียง)
( สายไหม รังสิต สุขาภิบาล 5)
แนวทางการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก
การรับรู้ถึงลักษณะการเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน”เป็นก้าวได้ที่สำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูกก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ต่อไปนี้เป็นแนวทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก
1. ส่งเสริมความรับผิดชอบให้กับลูก
การเลี้ยงดูแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” มักจะจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆแทนลูกทุกอย่างแต่หากจะเปลี่ยนแปลงควรเริ่มต้นด้วยการมอบหมายงานบ้านง่ายๆที่เหมาะสมกับวัย เพื่อให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบ ปล่อยให้ลูกของคุณมีส่วนร่วมในงานต่างๆ เช่น การจัดโต๊ะ การเก็บที่นอน หรือจัดห้อง สิ่งนี้ส่งเสริมความรับผิดชอบและความมีวินัยที่ดี
2. ให้เด็กๆ ได้ตัดสินใจด้วยตนเอง
ให้โอกาสให้ลูกๆของคุณได้ตัดสินใจ ซึ่งต่างจากการเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน”ที่จะปิดกั้นการตัดสินใจของลูก คุณควรให้พวกเขาได้ตัดสินใจแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เช่น เสื้อผ้าที่อยากใส่ กิจกรรมที่อยากทำหรือบางครั้งก็อาจจะเป็นขนมที่อยากทาน ช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะการตัดสินใจและสร้างความมั่นใจ
3. กำหนดขอบเขตและให้คำแนะนำ
สร้างขอบเขตและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนภายในครอบครัวของคุณ ให้ลูกของคุณทราบถึงความคาดหวังและผลที่จะตามมา แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงการควบคุมที่เข้มงวดมากจนเกินไป ให้คำแนะนำและคอยสนับสนุนพวกเขาเมื่อเผชิญกับความท้าทาย
4. ส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิด
สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุย ส่งเสริมให้ลูกของคุณแสดงความคิด ความรู้สึก และข้อกังวลโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน ตั้งใจฟังและพยายามเข้าใจถึงอารมณ์ของพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจและความเป็นอิสระในการพูดคุย
แนวทางการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก (ต่อ)
5. สอนทักษะการแก้ปัญหา
แทนที่จะแก้ไขปัญหาของลูกคุณในทันที หรือหลีกเลี่ยงความล้มเหลวแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” คุณควรสอนและแนะนำลูกถึงแนวทางการแก้ปัญหา ให้พวกเขาได้ฝึกตั้งคำถามที่จะส่งเสริมการคิดอย่างมีระบบและช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ สิ่งนี้ทำให้พวกเขามีทักษะในการแก้ปัญหาที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในอนาคต
6. ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกของคุณได้ทำตาม ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นความรับผิดชอบและความสามารถในการ รับมือกับปัญหา เด็กๆมักจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดด้วยการสังเกตพฤติกรรมของพ่อแม่
7. สนับสนุนความสนใจของพวกเขา
ส่งเสริมความสนใจและความหลงใหลของลูก ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ศิลปะ ดนตรี หรืองานอดิเรก การสนับสนุนในสิ่งที่พวกเขาสนใจ จะช่วยสร้างความภาคภูมิใจในตนเองและทำให้พวกเขาได้ค้นหาสิ่งที่รัก
8. ความเป็นอิสระทีละน้อย
การเลี้ยงดูแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” จะไม่ไว้ใจให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตนเองเลย ดังนั้นเมื่อลูกของคุณโตขึ้น ให้ค่อยๆ ปล่อยให้พวกเขามีอิสระและความรับผิดชอบมากขึ้น สิ่งนี้จะทำให้พวกเขาพัฒนาและรู้จักการพึ่งพาตนเองมากขึ้น เป็นการเตรียมความพร้อมให้พวกเขารับมือกับความเปลี่ยนแปลงสู่วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
การเปลี่ยนจากการเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน ไปสู่แนวทางที่สมดุลมากขึ้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องใช้เวลา โปรดจำไว้ว่าเป้าหมายคือการช่วยให้ลูกของคุณมีความมั่นใจและพึ่งพาตนเองได้ การใช้แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโต ความเป็นอิสระ และทักษะการแก้ปัญหา เพื่อให้พวกเขาพร้อมเผชิญกับความท้าทายในอนาคต
SE-ED Learning Center สาขาอื่นๆ
จะมีทั้งหมดประมาณ 20 สาขา ทั่วประเทศ
สรุป
การเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย การรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน” จึงเป็นก้าวที่สำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว การเข้าใจถึงข้อเสียของการเลี้ยงลูกแบบ”พ่อแม่รังแกฉัน”และยอมรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางที่เหมาะสมกว่าเป็นเรื่องน่ายกย่อง เพราะนั่นหมายถึง การที่คุณได้พยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการส่งเสริมความเป็นอิสระ ความยืดหยุ่น และความมั่นใจในตนเองของลูก
แม้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวแก่ลูกๆของคุณอย่างมหาศาล การเปิดรับแนวทางที่เหมาะสมเปรียบเสมือน”แม่นกสอนลูกบิน” ให้ลูกได้เรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งเป็นบทเรียนชีวิตอันทรงคุณค่า ท้ายที่สุดสิ่งนี้จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับพวกเขาในการเผชิญหน้ากับความท้าทายเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น ให้พวกเขาได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งบนเส้นทางเดินของชีวิตและเป็นที่พึ่งให้กับตนเองได้