เมื่อเด็กๆ เติบโตและพัฒนาไปเรื่อยจนถึงวัยที่จะเข้าโรงเรียน พวกเขาอาจจะประสบปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ซึ่งอาจมีผลต่อการเรียนรู้และการเข้าสังคม อีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่อาจพบเจอได้บ่อยคือลูกไม่อยากไปโรงเรียน
ผู้ปกครองอาจรู้สึกหงุดหงิดเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน อาจจะสงสัยว่าสาเหตุมาจากอะไรและจะช่วยเหลือลูกได้อย่างไร ในบทความนี้เราจะพูดถึงเหตุผลที่พบบ่อยสำหรับเด็กที่ไม่อยากไปโรงเรียน และให้เคล็ดลับสำหรับผู้ปกครองเพื่อจัดการกับปัญหานี้
สารบัญ
สาเหตุที่พบบ่อย << คลิ๊ก
คำแนะนำสำหรับพ่อแม่ << คลิ๊ก
คำแนะนำสำหรับพ่อแม่ (ต่อ) << คลิ๊ก
สรุป << คลิ๊ก
สาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
1. การถูกบูลลี่ (Bullying) – ถ้าลูกของคุณถูกบูลลี่ เขาอาจรู้สึกกลัวหรืออับอายที่จะไปโรงเรียน สิ่งที่สำคัญคือต้องรับรู้เรื่องราวอย่างจริงจัง ทำให้ลูกของคุณรู้ว่าคุณพร้อมที่จะสนับสนุนเขาตลอดเวลา
ถูกบูลลี่ < คลิ๊ก
2. ความวิตกกังวล – ลูกของคุณอาจรู้สึกตกใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่ต้องทำงานหนักและมีการจัดการเรียนการสอน หรือกลัวการล้มเหลว อาจจะไม่ถนัดเรียนในบางวิชา หรือมีวิชาเรียนที่เรียนไม่เข้าใจ
3. ขาดความสนใจ – ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะลูกไม่รู้สึกว่าการเรียนมีสิ่งที่น่าสนใจหรือน่าตื่นเต้น คุณสามารถหาวิธีในการระบุความสนใจและกิจกรรมที่เขาชื่นชอบ และนำมาประกอบกับการเรียนรู้ในโรงเรียนเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับการเรียนรู้ของลูกของคุณ
4. ปัญหาด้านสังคม – ปัญหาด้านสังคมเช่นการทำความเข้าใจกับเพื่อน หรือรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น อาจจะทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน
5. ปัญหาเรื่องสุขภาพ – ถ้าลูกของคุณมีปัญหาเรื่องสุขภาพเช่นเจ็บป่วยเป็นเรื้อรัง อาจทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของลูกคุณ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น กิจวัตรการออกกำลังกาย การรับประทานอาหานที่มีประโยชน์
กินอะไรแล้วลูกฉลาด < คลิ๊ก
6. ปัญหาเรื่องครอบครัว – ปัญหาครอบครัวเช่นการหย่าร้างหรือการย้ายที่พักอาศัย จึงต้องย้ายโรงเรียน อาจเป็นอุปสรรคที่ยากต่อลูกและอาจทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน สำคัญที่จะสื่อสารกับลูกของคุณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และให้การสนับสนุนและทรัพยากรเพื่อช่วยให้พวกเขาปรับตัว
7. ความกลัวจากการแยกตัว – บางเด็กอาจมีความกลัวจากการแยกตัวจากพ่อแม่ซึ่งอาจทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
8. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน – สภาพแวดล้อมของโรงเรียนสามารถมีผลมากในการที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียน หากลูกของคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ระหว่างที่อยู๋ในโรงเรียน หรือระหว่างการเดินทางไปและกลับโรงเรียน
คำแนะนำสำหรับพ่อแม่เมื่อ ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
1. สอบถามเหตุผลที่ทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน ฟังความคิดเห็นและความรู้สึกของลูกอย่างจริงจัง หากทราบถึงสาเหตุที่ถูกต้องก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้ถูกจุดที่สุด
2. สื่อสารกับครูและผู้บริหารโรงเรียนของลูกของคุณ หากเป็นสาเหตุที่เกิดจากโรงเรียน หรือคุณพ่อคุณแม่ต้อวงการความช่วยเหลือจากคุณครู ส่งเสริมความรู้ทางวิชาการที่เหมาะสมป้องกันไม่ให้ลูกๆ เรียนไม่ทันเพื่อน
3. สร้างบ้านที่มีความสนุกสนาน สร้างความสบายใจและสนับสนุนให้ลูกมีความมั่นใจและคิดอย่างเชิงบวก ให้ลูกพร้อมที่จะสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่
4. ส่งเสริมความสนใจและงานอดิเรกของลูกของคุณ เช่น กีฬา ดนตรี การอ่านหนังสือ เป็นต้น
• เมื่อลูกชอบว่ายน้ำ แล้ววันนั้นมีเรียนว่ายน้ำ น้องๆก็จะอยากไปโรงเรียนมากขึ้น
• เมื่อลูกชอบเล่นเปียโน แล้ววันนั้นมีเรียนเปียโต น้องๆก็จะอยากไปโรงเรียนมากขึ้น
คลิ๊กลิ้งค์ด่านล่าง
(และ คณิตศาสตร์ โซนใกล้เคียง)
( สายไหม รังสิต สุขาภิบาล 5)
5. ฝึกฝนการแยกตัวเพื่อช่วยให้ลูกของคุณรู้สึกสบายในการอยู่ห่างจากคุณ ให้เข้าใจและเห็นภาพว่าเขาเป็นคนปกติที่จะอยู่โดยไม่ต้องอยู่กับพ่อแม่ตลอดเวลา เริ่มจากให้แยกไปอยู่กับคนที่ไว้ใจได้ก่อน พาลูกไปพูดคุยกับญาติ เด็กรุ่นเดียวกันหรือเด็กรุ่นพี่ ที่พึ่งเข้าโรงเรียน เพื่อให้เห็นเป็นแบบอย่าง เริ่มต้นด้วยการค้นหาความกลัวว่ากลัวเพราะขาดอะไร และค่อยๆเริ่มฝึกทักษะด้านนั้นๆ เพื่อเตรียมความพร้อม
6. เมื่อพยายามแก้ไขปัญหา ลูกไม่อยากไปโรงเรียน ด้วยตนเองแล้วพบว่ายังไม่สามารถแก้ไขได้ ให้หาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตในกรณีที่จำเป็น เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักประเมินทางการศึกษา
7. สร้างรูปแบบและตารางเวลาเพื่อช่วยให้ลูกของคุณรู้สึกสบายและมีระเบียบ สร้างวินัยทำจนเป็นประจำ การไปเรียนสาย เรียนเรียนหยุดหยุด ทำให้ลูกของเราขาดวินัย และ อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน หลีกเลี่ยงการเร่งรีบจะยิ่งทำให้ลูกและตัวคุณรู้สึกกดดัน เผื่อเวลาการเดินทางเท่าที่เป็นไปได้
8. ช่วยลูกของคุณพัฒนากลยุทธ์ในการจัดการกับความวิตกกังวลและความเครียด อาจจะเกิดขึ้นกับเหตุการณ์เฉพาะ เช่นการสอบ การกลัวครูดุ เตรียมพร้อมและฝึกทักษะให้ตรงกับสาเหตุ
9. ส่งเสริมให้ลูกของคุณมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกเวลาเรียนและมีเพื่อน เพื่อนจะทำให้ลูกเห็นและแสดงเป็นแบบอย่าง ให้มั่นใจว่าแบบอย่างที่ลูกทำตามจะส่งผลดีกับลูกของเรา โปรดระมัดระวังและให้คำแนะนำใกล้ชิดหากพบเห็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสม
10. ส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับความสำเร็จและพัฒนาการของลูกของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวคำชมเชย การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆอาจเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ต่อลูกของคุณ
ลูกของเราควรจะมีความสุขในการเรียนรู้ พัฒนาทักษะต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่พวกเขาได้เจอในชีวิต อย่าลืมให้ความรักและความสนใจต่อลูกของเราเสมอ คุณพ่อคุณแม่ควรติดตามพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกของเรามีความสุข และประสบความสำเร็จในอนาคตต่อไป
SE-ED Learning Center สาขาอื่นๆ
จะมีทั้งหมดประมาณ 20 สาขา ทั่วประเทศ
สรุป
มีหลายเหตุผลที่ทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน ตั้งแต่เรื่องการเรียนรู้ที่ยากเกินไปต้องการความช่วยเหลือ ปัญหาเรื่องสังคม จนถึงเรื่องสุขภาพ ในฐานะผู้ปกครอง สิ่งสำคัญคือต้องรับรู้เหตุผลที่เป็นไปได้และทำตามวิธีการที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนลูกของคุณ
โดยการเข้าใจมุมมองของลูก ร่วมงานกับโรงเรียนและผู้ให้การดูแลด้านสุขภาพ ให้การสนับสนุนทั้งทางอารมณ์และแนวทางปฏิบัติ จะช่วยให้ลูกของคุณพร้อมที่จะเรียนรู้และอยากไปโรงเรียน