70% ของ พ่อแม่ค่อนข้างกังวลว่าลูกอาจใช้เวลาดูโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอทีวีมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในโลกที่ “ออนไลน์” มากขึ้น เป็นเรื่องยากที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดว่าเด็กใช้เวลาอยู่กับหน้าจอนานเกินไปหรือไม่
เวลาหน้าจอคืออะไร? พูดง่ายๆ ก็คือ “เวลาที่ใช้ไปกับการอยู่กับหน้าจอ ” ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และวิดีโอเกม ผู้เชี่ยวชาญเสนอคำแนะนำ การใช้เวลาที่เหมาะสมกับหน้าจอ สำหรับกลุ่มอายุเด็กต่างๆ
สารบัญ
การใช้เวลาหน้าจอของเด็กอายุ 0-5 ปี << คลิ๊ก
การใช้เวลาหน้าจอของเด็กอายุ 5 ขึ้นไป << คลิ๊ก
จัดการเวลาหน้าจอของลูก << คลิ๊ก
ใช้เวลาหน้าจอมากเกินไป << คลิ๊ก
สรุป << คลิ๊ก
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ใช้เวลากับหน้าจอเลย ยกเว้นการใช้ วีดีโอคอล เพื่อพบหน้าคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเด็กอายุ 18 ถึง 24 เดือน ผู้ปกครองสามารถเริ่มแนะนำการใช้หน้าจอด้านอื่นๆได้
อย่างไรก็ตามเด็กวัยนี้ยังไม่ควรอยู่กับหน้าจอโดยลำพัง ผู้ปกครองควรอยู่ด้วยเสมอ และพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่น้องๆดูและรับชม เพื่อพัฒนาความรู้ไปด้วย
เด็กอายุ 2 ถึง 5 ปี
เมื่อเด็กอายุครบ 2 ปี ขอแนะนำให้จำกัดเวลาหน้าจอไว้ที่ 1 ชั่วโมงต่อวัน ผู้ใหญ่ควรดูรายการร่วมกับเด็ก และเลือกสื่อที่ “โต้ตอบได้ ไม่รุนแรง ให้ความรู้ ความสนุก”
เด็กอายุ 5 ถึง 8 ปี
เมื่ออายุ 5 ถึง 8 ปี ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กควรติดตามการใช้สื่อของบุตรหลานต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมสำคัญอื่นๆ เช่น การนอนหลับและการออกกำลังกาย ผู้ปกครองควรตรวจสอบสื่อที่บุตรหลานมีส่วนร่วมเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและดีต่อสุขภาพสำหรับการดู
เด็กที่อายุมากกว่า 8 ปี
นักจิตวิทยาคลินิกเด็กและวัยรุ่นที่โรงพยาบาล อธิบายว่า วิธีการที่พอดีสำหรับทุกคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับทฤษฎี หลักการต่างๆ แต่ขึ้นอยู่กับครอบครัวที่จะตัดสินว่าอะไรเหมาะสมสำหรับลูก
เมื่อเลยวัยก่อนเข้าโรงเรียนไปแล้วไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัดอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ ควรรับทราบและพูดคุยกับน้องๆอยู่เสมอว่ารับชมเนื้อหาอะไรบ้าง และคอยป้องกันไม่ให้เข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
คลิ๊กลิ้งค์ด่านล่าง
(และ คณิตศาสตร์ โซนใกล้เคียง)
( สายไหม รังสิต สุขาภิบาล 5)
จัดการเวลาหน้าจอของลูกให้ดีที่สุดได้อย่างไร
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการเวลาอยู่หน้าจอของบุตรหลานของคุณคือการสร้างบทสนทนาแบบเปิดเกี่ยวกับการใช้สื่อและตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนในครอบครัวมีแนวทางที่แน่วแน่
วิธีนึง ที่จะทำให้สิ่งนี้ง่ายขึ้นคือการ ตกลงกันทั้งครอบครัว โดยให้ลูกๆร่วมตัดสินใจ และออกความคิดเห็นด้วย ว่าเราไม่ควรใช้หน้าจอตอนไหนบ้าง ยกตัวอย่างเช่นการรับประทานอาหารเย็น ก่อนนอน 2 ชั่วโมง เป็นต้น
การรักษาการใช้สื่อออนไลน์ให้สมดุลกับกิจกรรมด้านอื่นๆ ของชีวิต การรับประทานอาหาร การนอน การออกกำลังกาย เล่นกีฬา เรียนพิเศษในวิชาหลักๆเช่น เรียนภาษาอังกฤษ เรียนคณิตศาสตร์ และ การเรียนเสริมทักษะอื่นๆ เรากำลังทำสิ่งนี้ในฐานะครอบครัว ดังนั้น พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้ลูก
เวลาอยู่หน้าจอไม่ได้ส่งผลเสียเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้ปกครองและผู้ดูแลให้คำแนะนำว่าบุตรหลานของตนมีส่วนร่วมกับสื่ออย่างไร และติดตามดูว่าบุตรหลานมีส่วนร่วมกับสื่อใด คำแนะนำบางประการสำหรับผู้ปกครองที่ควรทราบมีดังนี้
- ดูร่วมกับบุตรหลานของคุณและพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังดูอยู่
- เลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัย เปิดโอกาสให้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่รับชม
- อย่าลังเลที่จะจำกัดเวลา เช่น ห้ามใช้โทรศัพท์ในเวลารับประทานอาหารหรือหนึ่งถึงสองชั่วโมงก่อนเข้านอน
- คุณพ่อคุณแม่ทำตัวเป็นตัวอย่าง และใช้สื่ออย่างมีสติ
- ตรวจสอบการใช้สื่อของบุตรหลานเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหานั้นปลอดภัยและเหมาะสมกับวัย
- พยายามปลูกฝังนิสัยที่ดีและจำกัดแต่เนิ่นๆ
- กำหนดเวลากิจกรรมที่ไม่ใช่เวลาหน้าจอ
ความแตกต่างคลิ๊ก
(และ คณิตศาสตร์ โซนใกล้เคียง)
( ลำลูกกา รังสิต สุขาภิบาล 5)
ความเสี่ยงของการใช้เวลาหน้าจอมากเกินไป?
ปัญหาน้ำหนักตัว – การรับประทานอาหารเพิ่มเติมขณะดู การเปิดรับโฆษณาที่มีอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และใช้เวลานอนน้อยลงในการทำกิจกรรมอื่นๆ
ปัญหาการนอนหลับ – การรับชมสื่อออนไลน์ใกล้เวลาเข้านอนมากเกินไปจนทำให้ดูต่อเนื่องและกระทบกับเวลาพักผ่อน
แม้ว่าเวลาหน้าจอมีข้อเสียอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่สนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ห้ามเลย อันที่จริงแล้วการอยู่หน้าจอบ้างก็ดี มีข้อเท็จจริงที่ว่าเราอาศัยอยู่ในโลกดิจิทัล และบางครั้งการใช้หน้าจอก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการหาความรู้เกี่ยวกับการเรียน หรือการทำงานก็ตาม
เนื่องจากหน้าจอมีแนวโน้มที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตของบุตรหลานของคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การช่วยเหลือพวกเขาในการเรียนรู้วิธีใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงเป็นประโยชน์กับน้องที่สุด
tiktok brain > กดเพื่ออ่าน
เพิ่มสมาธิ > กดเพื่ออ่าน
SE-ED Learning Center สาขาอื่นๆ
จะมีทั้งหมดประมาณ 20 สาขา ทั่วประเทศ
สรุป
พ่อแม่มากกว่า 70% มีความวิตกกังวล ที่ลูกติดหน้าจอ มีผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำแบ่งตามอายุ ในแต่ละช่วงอายุ ผู้ปกครองจะต้องคอยให้คำแนะนำ และดูแลอย่างใกล้ชิด ให้เล่นได้ในเวลาจำกัด และให้ลูกลูกได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมกับครอบครัว จะทำให้มีพัฒนาการที่ดี
การมีเวลาหน้าจอ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การอธิบายและพูดคุยกับลูกลูก ให้เข้าใจถึงขีดจำกัดในการเล่น อธิบายถึงข้อดีและข้อเสียให้เขาฟัง ว่าจะเกิดผลเสียตามมาอย่างไรบ้าง ปัญหาด้านสุขภาพ การกิน การนอน และการพักผ่อน ดังนั้นครอบครัวจึงต้องสอน และควบคุมการสร้างสมดุลกับการใช้สื่อออนไลน์