หลังจากใจสาเหตุและ ทราบถึง 6 สัญญาณเมื่อพบว่าลูกมีปัญหากับการเรียนแล้ว เรามาอ่าน 8 กลยุทธ์นำไปใช้กันนะค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง: 6 สัญญาณ-ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน
สารบัญ (ลูกมีปัญหากับการเรียน – 8 กลยุทธ์)
- ปรึกษาคุณครูที่โรงเรียน
- หาตัวช่วยเพื่อให้ลูกเข้าใจบทเรียน
- สื่อสารกับลูกอย่างตรงไปตรงมา
- พบคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนเวลาลูกทำการบ้าน
- จัดกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อผ่อนคลาย
กลยุทธ์ 7-8 << คลิ๊ก
- คอยให้กำลังใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ
- ลองใช้วิธีการเรียนรู้แบบอื่น
1. ปรึกษาคุณครูที่โรงเรียน
ให้เริ่มจากการสอบถามไปยังคุณครูที่โรงเรียนก่อน หากคุณพ่อคุณแม่สงสัย หรือรู้ว่าลูกกำลังมีปัญหากับการเรียน คุณครูของลูกเราสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับหนึ่งวันของลูกที่โรงเรียน เช่น
- ลูกเรียนทันเพื่อนๆในห้องหรือไม่ ?
- ลูกตอบคำถามหรือตั้งคำถามคุณครูบ้างหรือไม่ ?
- ลูกเข้าร่วมกิจกรรม ในห้องเรียนหรือไม่ ?
- ลูกทำแบบฝึกหัดทันเพื่อนๆ หรือไม่ ?
- วันนี้มีการบ้านหรือไม่ ? เป็นต้น
2. หาตัวช่วยเพื่อให้ลูกเข้าใจในบทเรียน
คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาที่โรงเรียนเพียงลำพัง และไม่ต้องเพิ่มความเครียดให้กับเวลาที่บ้านและครอบครัว เมื่อพบว่าลูกมีปัญหาในวิชาใดวิชาหนึ่งอาจจะหาคอร์สเรียนพิเศษ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้ฝึกฝนมากขึ้นนอกเวลาเรียนและทำให้ตามทันเพื่อนในชั้นเรียนได้ในที่สุด โดยอาจจะเริ่มจากวิชาที่สำคัญเป็นลำดับต้นๆก่อนคือ วิชาคณิตศาสตร์ และ ภาษาอังกฤษ
แนะนำการเลือกคอร์สเรียนพิเศษให้เหมาะสม ปัจจัยคร่าวๆที่ควรทำมาพิจารณามีดังนี้
- หลักสูตร วิธีการสอน และ หนังสือเรียน
- ราคา (หากหยุดเรียนมีเรียนชดเชยได้หรือไม่)
- สถานที่ และ การเดินทาง
- รีวิวของผู้ปกครอง ดูได้จาก Facebook และ Google Maps
- การคัดเลือกคุณครูที่เข้ามาสอน มีการอบรมที่เข้มงวดอย่างไร
- การวัดผล หรือทดสอบย่อย เป็นต้น
ความแตกต่างคลิ๊ก
(และ คณิตศาสตร์ โซนใกล้เคียง)
( ลำลูกกา รังสิต สุขาภิบาล 5)
3. สื่อสารกับลูกอย่างตรงไปตรงมา
บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารกับลูก แต่จะเป็นการดีมากหากคุณพ่อคุณแม่บอกให้ลูกๆทราบว่าคุณพ่อคุณแม่จะอยู่เคียงข้างพวกเขา และพร้อมช่วยเหลือเขา หรืออาจจะให้ลูกช่วยคิดวางแผนเพื่อจัดการกับปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ เพื่อให้ลูกๆรู้สึกมีส่วนร่วมให้มากที่สุด เพราะนี่คือการศึกษาของพวกเขาและพวกเขาจำเป็นต้องรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา
เวลาเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับลูก หากคุณพ่อคุณแม่มีเวลาให้ลูกยิ่งมากเท่าไร คุณพ่อคุณแม่จะทราบถึงปัญหาเป็นคนแรก ในบางครั้งอาจจะทราบก่อนคุณครูที่สอนที่โรงเรียน เมื่อทราบถึงปัญหาเร็ว และ แก้ไขได้ทันถ่วงที ก็จะทำให้น้องๆ เรียนได้อย่างมีความสุข และ มั่นใจกับการเรียนมากขึ้น
4. พบคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning disorder) ให้นัดหมายกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้เร็วที่สุด คุณหมออาจจะแนะนำคอร์สบำบัด หรือช่วยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากขึ้น เนื่องจากนักเรียนกลุ่มนี้ อาจจะต้องใช้วิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างออกไป
การไปตรวจโดยที่ยังไม่รู้สึกว่ามีปัญหาก็ทำได้เช่นกัน คุณหมอจะมีคำแนะนำเพื่อเสริมพัฒนาการเด็กๆ ได้เหมาะสมตามในแต่ละวัยของน้องๆ
คลิ๊กลิ้งค์ด่านล่าง
(และ คณิตศาสตร์ โซนใกล้เคียง)
( สายไหม รังสิต สุขาภิบาล 5)
5. ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนเวลาลูกทำการบ้าน
ตั้งเวลาสอนการบ้านลูกในทุกๆวัน จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นและทราบถึงปัญหาแต่เนิ่นเนิ่น คุณพ่อคุณแม่ที่พยายามสอนการบ้านลูกเองแล้ว รู้สึกฉุนเฉี่ยวและโมโห เราขอแนะนำ 6 เทคนิคนี้ค่ะ > สอนการบ้านลูกแล้วโมโห
หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าการสอนการบ้านลูกเป็นเรื่องยาก อาจจะเนื่องมาจากบทเรียนที่ไม่ตรงกับสมัยที่คุณพ่อคุณแม่เรียนมา ทำให้ต้องใช้เวลาศึกษาเพื่อมาสอนลูก การหาผู้ช่วยสอนการบ้านก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน คุณครูติวเตอร์จะสามารถช่วยคลายความเครียดในช่วงเย็นให้กับทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกได้
6. จัดกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อผ่อนคลาย
การพักสมองเพื่อคลายความเครียดก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน คุณพ่อคุณแม่ควร จัดกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ เช่น เกมล่าสมบัติ หรือเพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาออกไปข้างนอก เพื่อเล่นแบบอิสระ ให้โอกาสลูกได้รีเซ็ตสมองและเตรียมพร้อมที่จะกลับไปเรียนรู้อีกครั้ง ตัวอย่างกิจกรรมของเด็กๆ
- การเล่นเครื่องเล่นสนาม
- การเล่นทราย
- การเล่นน้ำ
- การเล่นสมมติในบ้านจำลอง
- การเล่นในศูนย์ช่างไม้
- การเล่นกันอุปกรณ์กีฬา
- การเล่นเกมการละเล่น เป็นต้น
อาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา “ลูกมีปัญหากับการเรียน” โดยตรง แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสมองให้ลูกสำหรับบทเรียนถัดไป
7. คอยให้กำลังใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ
นักเรียนมีปัญหากับการเรียนอาจจะน้อยหรือมากแตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นคอยให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่หรือเล็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเฉลิมฉลองความก้าวหน้าของลูก เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาทำต่อไป และบอกให้พวกเขารู้ว่าคุณพ่อคุณแม่พร้อมให้ความช่วยเหลือ บอกให้ลูกเข้าใจว่าไม่มีคนไหนที่จะเก่งไปทุกอย่าง เตือนพวกเขาว่าคุณค่าของพวกเขามีมากกว่าเกรด ช่วยให้พวกเขาพบกับความสุขในการเรียนรู้และให้เวลาสำรวจความสนใจของตนเอง ให้กำลังใจและเฉลิมฉลองสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และช่วยให้พวกเขาพบกับความสุข
ทุกคนย่อมต้องการใครสักคนอยู่เขียงข้างเสมอ และเมื่อยิ่งเป็นเด็ก กำลังใจจากพ่อแม่ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เวลาที่เค้าทำกิจกรรมอะไร ไม่ว่าจะแข่งกีฬาสี ทำการบ้าน หรือแสดงความสามารถพิเศษ นี่คือช่วงเวลาสำคัญของเด็กทุกคนที่ต้องการกำลังใจจากพ่อแม่มากที่สุด หรือแม้แต่ในเวลาที่เค้าผิดหวัง คำพูดดีๆ ของคุณพ่อคุณแม่ก็จะช่วยเพิ่มพลังใจให้กับเค้าได้เป็นอย่างดี คุณพ่อคุณแม่ควรพูดกับลูกอยู่เสมอไม่ว่าจะในเวลาไหน เพราะแม่เชื่อว่าคำพูดก็เหมือนยารักษาโรค ยาบำรุงจิตใจชั้นดี ที่กินได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต
8. ลองใช้วิธีการเรียนรู้แบบอื่น
เด็กๆมีวิธีการเรียนรู้ต่างกัน บางคนต้องสามารถเรียนรู้แบบดั้งเดิมได้ ยกตัวอย่างเช่น
- สำหรับวิชาภาษาอังกฤษ บางคนชอบวิธีการเรียนรู้แบบกิจกรรม (Activity-based Learning)
- สำหรับวิชาคณิตศาสตร์ บางคนต้องเห็นภาพจึงจะเข้าใจ (Pictorial Approach)
แน่นอนว่าในตัวเด็กทุกคนล้วนมีความเข้าใจและความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไปตามความถนัดของตน ไม่ว่าจะถนัดเรียนรู้ในด้านการฟัง การเขียน การอ่าน การพูด หรือการดู ทั้งจากสื่อการสอนต่าง ๆ หรือรวมถึงการเรียนรู้ทั่วไปในชีวิตประจำวันก็ตาม
โดยหลายคนอาจมีความถนัดทางการเรียนรู้ที่ผสมผสานแตกต่างกันไปตามสไตล์ของตนเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะลองศึกษาหาข้อมูลวิธีที่เหมาะกับลูกมากที่สุด
สรุป
8 กลยุทธ์นำไปใช้เมื่อลูกมีปัญหากับการเรียน 1) ปรึกษาคุณครูที่โรงเรียน 2) หาตัวช่วยเพื่อให้ลูกเข้าใจในบทเรียน 3) สื่อสารกับลูกอย่างตรงไปตรงมา 4) พบคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง 5) ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนเวลาลูกทำการบ้าน 6) จัดกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อผ่อนคลาย 7) คอยให้กำลังใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ 8) ลองใช้วิธีการเรียนรู้แบบอื่น
SE-ED Learning Center สาขาอื่นๆ
จะมีทั้งหมดประมาณ 20 สาขา ทั่วประเทศ